บทที่4
4.การแต่งบทร้อยกรองประเภทกาพย์ยานี 11
กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ยานี หรือ กาพย์ยานี ๑๑ คือ กาพย์ ชนิดหนึ่ง มีคำ ๑๑ คำในหนึ่งบาท จึงเรียกว่า กาพย์ยานี ๑๑ นิยมใช้ในการเล่าเรื่อง ในหนังสือประเภทคำกาพย์ ร่วมกับกาพย์ชนิดอื่นๆ หรือในหนังสือประเภทคำฉันท์ ร่วมกับกาพย์และฉันท์ชนิดอื่นๆ ในยุคปัจจุบัน นิยมแต่งกาพย์ยานีเป็นบทสั้นๆ โดยไม่ได้ร้อยกับฉันทลักษณ์ประเภทอื่นๆ
กาพย์ยานี มีลักษณะบังคับ หรือโครงสร้างของ ฉันทลักษณ์ ดังนี้คือ
1.คณะ
- ใน ๑ บาท มี ๒ วรรค วรรคหน้ามี ๕ คำ วรรคหลังมี ๖ คำ รวมเป็น ๑๑ คำ
- ใน ๑ บท มี ๒ บาท บาทละ ๒ วรรค รวมเป็น ๔ วรรค
2.สัมผัส
สัมผัสระหว่างวรรค มีสัมผัส ๒ คู่ คือ
- คำสุดท้ายของวรรคหน้า สัมผัสกับ คำที่สามของวรรคหลัง
- คำสุดท้ายของวรรคที่สอง สัมผัสกับ คำสุดท้ายของวรรคที่สาม
สัมผัสระหว่างบท มี ๑ คู่ คือ
- คำสุดท้ายของแต่ละบท สัมผัสกับ คำสุดท้ายของวรรคที่สองของบทที่ตามมา
3.ลักษณะอื่นๆ
กาพย์ยานีอาจมีความยาวร้อยต่อกันกี่บทก็ได้ไม่จำกัด บาทที่สองของแต่ละวรรค อาจไม่ต้องมีสัมผัส จากคำท้ายวรรคหน้า ไปยังคำที่สามของวรรคหลังก็ได้
- ใน ๑ บาท มี ๒ วรรค วรรคหน้ามี ๕ คำ วรรคหลังมี ๖ คำ รวมเป็น ๑๑ คำ
- ใน ๑ บท มี ๒ บาท บาทละ ๒ วรรค รวมเป็น ๔ วรรค
1.คนเห็นคนเป็นคนนั่นแหละคน คนเห็นคนใช่คนใช่คนไม่
เกิดเป็นคนต้องเป็นคนทุกคนไป จนหรือมีผู้ดีไพร่ไม่พ้นคน”
บทประพันธ์ข้างต้นไม่ปรากฏลักษณะการแต่งแบบใด
เกิดเป็นคนต้องเป็นคนทุกคนไป จนหรือมีผู้ดีไพร่ไม่พ้นคน”
บทประพันธ์ข้างต้นไม่ปรากฏลักษณะการแต่งแบบใด
- การเล่นคำซ้ำ
- การเล่นคำพ้อง
- การใช้สัมผัสสระอักษร
- การใช้ปฏิพากย์
ตอบข้อ 4
จงใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ ตอบคำถามข้อ 2-4
มาทำลายรั้วระวังให้พังราบ มาร่ายเสกมนต์สาปให้หมดเศร้ามาให้ห่วงคิดถึงทุกค่ำเช้า มาปล้นเอาหัวใจไปหมดแล้ว”
2.น้ำเสียงของผู้แต่งเป็นอย่างไร
- อาลัย
- จริงจัง
- เพ้อฝัน
- มีความสุข
ตอบข้อ 4
3.ลักษณะการแต่งที่เด่นที่สุดในบทประพันธ์คือข้อใด
- สัมผัสสระ
- สัมผัสอักษร
- การใช้ภาพพจน์
- การใช้กลบท
ตอบข้อ 4
4.บุคคลใดน่าจะเป็นประธานของบทประพันธ์นี้มากที่สุด
- ทหารที่ออกไปรบ
- ขโมย
- นางอันเป็นที่รัก
- พ่อมด
ตอบข้อ 3
จงใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ ตอบคำถามข้อ 5-7
ขอบคุณ...
ขอบคุณสำหรับโรงบุหรี่
ขอบคุณอีกทีกับโรงหวย
ขอบคุณสนามม้าชาติหน้ารวย
ขอบคุณโรงเหล้าด้วยช่วยชาติไทย
ขอบคุณสำหรับโรงบุหรี่
ขอบคุณอีกทีกับโรงหวย
ขอบคุณสนามม้าชาติหน้ารวย
ขอบคุณโรงเหล้าด้วยช่วยชาติไทย
5.ข้อใดเแสดงความรู้สึกของผู้ประพันธ์เด่นชัดที่สุด
- เกลียดชัง
- ประชด
- ชื่นชม
- ยกย่อง
ตอบข้อ 2
6.ผู้แต่งมีจุดมุ่งหมายตามข้อใด
- เตือนให้คิด
- แนะให้ทำ
- ติเตียน
- สั่งสอน
ตอบข้อ 1
7.คำประพันธ์ในข้อใดใช้น้ำเสียงเหมือนกับคำประพันธ์ข้างต้น
- ไทยคงเอกราชด้วย ฝีมือ ไทยเอย
- ขอบคุณไมตรีที่มีให้ ความห่วงใยอาทรแต่ก่อนเก่า
แม้วันนี้ไม่มีทางระหว่างเรา ก็ไม่เศร้าเหงาหรอกใจบอกมา - หนึ่งจะต้องอกหักกับรักแรก สองจะต้องไม่แปลกกับรักใหม่
สามจะต้องผิดหวังทุกครั้งไป สี่จะต้องจำไว้รักคือทุกข์ - จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
ตอบข้อ 2
จงใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ ตอบคำถามข้อ 8-10
“มิ่งมิตร... เธอมีสิทธิ์ที่จะล่องแม่น้ำรื่น
ที่จะบุกดงดำกลางค่ำคืน ที่จะชื่นใจหลายกับสายลม
ที่จะร่ำเพลงเกี่ยวโลมเรียวข้าว ที่จะยิ้มกับดาวพราวผสม
ที่จะเหม่อมองหญ้าน้ำตาพรม ที่จะขมขื่นลึกโลกหมึกมน”
ที่จะบุกดงดำกลางค่ำคืน ที่จะชื่นใจหลายกับสายลม
ที่จะร่ำเพลงเกี่ยวโลมเรียวข้าว ที่จะยิ้มกับดาวพราวผสม
ที่จะเหม่อมองหญ้าน้ำตาพรม ที่จะขมขื่นลึกโลกหมึกมน”
8.แนวคิดใดไม่ปรากฏในบทประพันธ์นี้
- สิทธิของมนุษย์
- ธรรมชาติของชีวิตที่มีทุกข์มีสุขสลับกัน
- การต่อสู้กับอุปสรรค
- ความยุติธรรมและความถูกต้อง
ตอบข้อ 4
9.ในบทร้อยกรองนี้ กวีวางตนไว้ในฐานะอะไร
- อาจารย์
- เพื่อน
- พระ
- บุคคลอันเป็นที่รัก
ตอบข้อ 2
10.ข้อใดไม่ใช่ลักษณะเด่นของคำประพันธ์ข้างต้น
- ความหมายเชิงสัญลักษณ์ของถ้อยคำ
- ความง่ายและความงามของบทกลอน
- การใช้อุปลักษณ์และบุคคลวัต
- แสดงแนวคิดทางพุทธศาสนา
ตอบ 1
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น